Instagram Submit to Facebook Submit to Facebook  เข้าสู่ระบบ : 

BeWise   เรื่องน่ารู้ ...

อย่ามองข้าม.... แม้จะเป็นแค่  “ เรื่องเล็กน้อย  ”


 ชีวิตเด็กหอ    “  เมื่อก้าวเข้ามหาวิทยาลัย  ”


: พี่มาม่าบูล บีไวส์
: 20 พฤศจิกายน 2560   เปิดอ่าน  4170   Views






ชีวิตเด็กหอ เมื่อก้าวเข้ามหาวิทยาลัย
หลังจากที่สอบสัมภาษณ์ติดแล้ว เราก็ต้องรายงานตัวเพื่อเป็นนิสิต - นักศึกษา ชั้นปีที่ 1 อย่างเต็มตัวแล้วสิน่ะ เรามาเตรียมตัวเตรียมใจเมื่อต้องอยู่หอกันเถอะ 5555 (ไม่ถึงขนาดนั้น!! นะคะน้องๆ) เมื่อน้องๆ ย่างก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เราต้องกลายเป็นเด็กหอโดยปริยาย ในชีวิตเด็กหอมีทั้งสุข สนุก เศร้า เครียด ดราม่า ฯลฯ เจอทุกรูปแบบจริงๆ
สุข   เมื่อได้กินของตามใจปาก ได้เที่ยวอย่างอิสระ ไร้ข้อจำกัด
สนุก   เมื่อได้ทำกิจกรรมต่างร่วมกับเพื่อน ได้ปาร์ตี้ที่หอเพื่อนเมื่อเลิกเรียน เฮฮาเม้ามอยเสียงดัง แบบไม่เกรงใจเพื่อนข้างบ้าน555555 (อันนี้ควรเกรงใจเขาบ้างนะคะ)
เศร้า   เมื่อเราทะเลาะกับเพื่อน น้องทุกคนต้องเคยบ้างแหละ บางคนถึงกับเลิกคบกันก็มี แต่บางคน แค่ 1 - 2 วัน หรือไม่ถึงชั่วโมง ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม เพื่อนกันก็เป็นแบบนี้ล่ะค๊า
เครียด    เมื่อมีรายงานกลุ่มแล้วเราต้องทำคนเดียว เพื่อนไม่ช่วยทำ (อันนี้น้องต้องดูเพื่อนเมื่อเข้ากลุ่มหรือแบ่งงานให้เพื่อนรับผิดชอบบ้างนะคะ) หรือมีสอบอ่านหนังสือไม่ทัน พอผ่านช่วงนี้ไปมันก็จะแฮปปี้ล่ะ
ดราม่า   ส่วนใหญ่ที่เจอคือการเข้าสาขา ร่วมกิจกรรมต่างๆ อารมณ์แบบมีงานอะไร กลุ่มที่ทำก็จะเป็นแต่กลุ่มเดิมๆ ที่ทำตลอด กลุ่มที่มันไม่เคยมาช่วยเลย ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมเช่นเคยที่ไม่เคยเข้าสาขา ช่วยงานอะไรเลย แต่การเข้าหรือไม่เข้ากิจกรรมสาขา บางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีผลต่อการเรียนนะจ๊ะ เขาแค่ฝึกให้เรามีมนุษยสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นเท่านั้น
พอๆ เลิกดราม่าดีกว่า!! ทีนี้เรามาดูกันเลยว่า ชีวิตเด็กหอ เมื่อก้าวเข้ามหาวิทยาลัย ที่หลักๆต้องเจอว่าจะเจออะไรบ้าง.....



1. เพื่อน
          เมื่อน้องเข้าหอแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นรูมเมท (เพื่อนร่วมห้อง) อาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันตอน ม.ปลาย ที่ตามมาเรียนที่เดียวกัน บางคนก็อาจเจอเพื่อนใหม่ และกลายเป็นเพื่อนซี้ก็มี บางคนเจอ เพื่อนที่โครตจะแสนดี หรือดีบ้าง แต่ในบางคนหึ้มมม!! ทำไมนิสัยแบบนี้ว่ะ แบบว่าโห้ย!! ขึ้นปี 2 ขอเปลี่ยนห้อง อย่าให้เจอเพื่อนแบบนี้อีกเลย คล้ายๆคำสุภาษิตที่ว่า “รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ” มันมีทุกรูปแบบจริงๆ แต่สำหรับการอยู่หอบางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้มีการบังคับให้เราอยู่นะคะ น้องๆ ไม่ต้องกลัวกับการอยู่หอเลยคะ เพราะตัวอย่างที่พี่กล่าวขึ้นมาอาจเป็นส่วนน้อยที่เจอเหตุการ์ณแบบนี้ค่ะ


2. ชีวิตที่แสนจะอิสระ
         อิสระ ซึ่งต่างกับการอยู่ที่บ้านมาก กลับบ้านค่ำ พ่อแม่ก็โทรตาม ออกไปไหนก็ต้องขอพ่อแม่ก่อน แต่อยู่หอกลับเข้าห้องตอนไหนก็ได้ บางที 20.00 - 21.00 น. ยังนั่งกินข้าวเย็นอยู่เลย 555555 ออกไปไหนก็ไม่ต้องโทรบอกพ่อแม่ เพราะท่านไม่ได้มาอยู่กับเรา ท่านไม่ต้องมานั่งรอเราเหมือนอย่างกับอยู่ที่บ้าน แต่เราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองมากขึ้น


3. ความรับผิดชอบในตนเองต้องสูง
         เพราะชีวิตที่อิสระมากเกินไป บางคนถึงอาจเรียนไม่จบ เนื่องจากควบคุมการใช้ชีวิตตัวเองไม่ได้ มารู้ตัวอีกที (คิดได้) ก็ตอนวันที่เพื่อนเขารับปริญญากันหมดแล้ว

4. แยกแยะเวลา
         ช่วงปี 1 เป็นช่วงทำเกรดเฉลี่ย และกิจกรรมจะเยอะมาก (ในบางมหาวิทยาลัย) มีทั้งกิจกรรมหอ กิจกรรมสาขา กิจกรรมมหาวิทยาลัย บางครั้งอาจจะตรงกับช่วงชอบ เพราะยิ่งปีสูง ยิ่งเรียนยากขึ้น เราต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือด้วย เรียนมหาวิทยาลัยจะเดาๆ มั่วๆ เหมือนสอบตอน ม. ปลายไม่ได้แล้วนะ ถ้าไม่อ่านก็รอลุ้น F เมื่อเกรดออก

5. อาการคิดถึงบ้าน
         แน่นอนน้องทุกคนต้องเจอกับความรู้สึกนี้ เมื่อเจอปัญหาหรือเครียด เราจะมีอาการคิดถึงบ้าง คิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาทันที อยากจะกลับบ้านบ่อยๆ มันก็ไม่ไหว เพราะระยะทางและค่าเดินทาง น้องบางคนอาจมาเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ก็เลยทำให้เกิดการคิดถึงบ้านอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าเราอดทน มุ่งมานะพยายามรีบเรียนให้จบ ก็จะได้กลับไปอยู่ที่บ้านทำงานหาเลี้ยง ดูแลพ่อแม่เรา ไม่มีความสุขไหนเท่ากับการอยู่ที่บ้านเราอีกแล้ว

6. เงินไม่พอใช้
         น้องบางคนอาจได้รับเงินเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน เราต้องบริหารจัดการเงินของเราเอง ถ้าเราใช้ฟุ่มเฟือยอาจจะใช้ไม่ถึงปลายอาทิตย์ หรือสิ้นเดือน เรียนมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ไหนจะค่าร่วมทำกิจกรรม ค่าถ่ายเอกสาร ค่านู้นค่านี้ สำหรับน้องบางคนอาจขอพ่อแม่เพิ่มได้โดยเงินค่าขนมไม่ต้องแหว่ง แต่น้องบางคนต้องหักเอาจากค่าขนม เพราะพ่อแม่เราไม่ได้มีเหมือนกันทุกคนในชีวิตจริงน้องต้องเจออีกเยอะ


**** อันนี้พี่ยกตัวอย่างให้ดูที่ชีวิตเด็กหอต้องเจอแน่ 100% เพราะพี่ผ่านจุดเหล่านี้มาแล้วฮ่ะ ****