BeWise
เรื่องน่ารู้ ...อย่ามองข้าม.... แม้จะเป็นแค่ “ เรื่องเล็กน้อย ”
ชีวิตเด็กหอ “ เมื่อก้าวเข้ามหาวิทยาลัย ”
: พี่มาม่าบูล บีไวส์
: 20 พฤศจิกายน 2560
เปิดอ่าน 4170 Views
สุข เมื่อได้กินของตามใจปาก ได้เที่ยวอย่างอิสระ ไร้ข้อจำกัด
สนุก เมื่อได้ทำกิจกรรมต่างร่วมกับเพื่อน ได้ปาร์ตี้ที่หอเพื่อนเมื่อเลิกเรียน เฮฮาเม้ามอยเสียงดัง แบบไม่เกรงใจเพื่อนข้างบ้าน555555 (อันนี้ควรเกรงใจเขาบ้างนะคะ)
เศร้า เมื่อเราทะเลาะกับเพื่อน น้องทุกคนต้องเคยบ้างแหละ บางคนถึงกับเลิกคบกันก็มี แต่บางคน แค่ 1 - 2 วัน หรือไม่ถึงชั่วโมง ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม เพื่อนกันก็เป็นแบบนี้ล่ะค๊า
เครียด เมื่อมีรายงานกลุ่มแล้วเราต้องทำคนเดียว เพื่อนไม่ช่วยทำ (อันนี้น้องต้องดูเพื่อนเมื่อเข้ากลุ่มหรือแบ่งงานให้เพื่อนรับผิดชอบบ้างนะคะ) หรือมีสอบอ่านหนังสือไม่ทัน พอผ่านช่วงนี้ไปมันก็จะแฮปปี้ล่ะ
ดราม่า ส่วนใหญ่ที่เจอคือการเข้าสาขา ร่วมกิจกรรมต่างๆ อารมณ์แบบมีงานอะไร กลุ่มที่ทำก็จะเป็นแต่กลุ่มเดิมๆ ที่ทำตลอด กลุ่มที่มันไม่เคยมาช่วยเลย ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมเช่นเคยที่ไม่เคยเข้าสาขา ช่วยงานอะไรเลย แต่การเข้าหรือไม่เข้ากิจกรรมสาขา บางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีผลต่อการเรียนนะจ๊ะ เขาแค่ฝึกให้เรามีมนุษยสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นเท่านั้น
พอๆ เลิกดราม่าดีกว่า!! ทีนี้เรามาดูกันเลยว่า ชีวิตเด็กหอ เมื่อก้าวเข้ามหาวิทยาลัย ที่หลักๆต้องเจอว่าจะเจออะไรบ้าง.....
1. เพื่อน
เมื่อน้องเข้าหอแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นรูมเมท (เพื่อนร่วมห้อง) อาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันตอน ม.ปลาย ที่ตามมาเรียนที่เดียวกัน บางคนก็อาจเจอเพื่อนใหม่ และกลายเป็นเพื่อนซี้ก็มี บางคนเจอ เพื่อนที่โครตจะแสนดี หรือดีบ้าง แต่ในบางคนหึ้มมม!! ทำไมนิสัยแบบนี้ว่ะ แบบว่าโห้ย!! ขึ้นปี 2 ขอเปลี่ยนห้อง อย่าให้เจอเพื่อนแบบนี้อีกเลย คล้ายๆคำสุภาษิตที่ว่า “รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ” มันมีทุกรูปแบบจริงๆ แต่สำหรับการอยู่หอบางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้มีการบังคับให้เราอยู่นะคะ น้องๆ ไม่ต้องกลัวกับการอยู่หอเลยคะ เพราะตัวอย่างที่พี่กล่าวขึ้นมาอาจเป็นส่วนน้อยที่เจอเหตุการ์ณแบบนี้ค่ะ
2. ชีวิตที่แสนจะอิสระ
อิสระ ซึ่งต่างกับการอยู่ที่บ้านมาก กลับบ้านค่ำ พ่อแม่ก็โทรตาม ออกไปไหนก็ต้องขอพ่อแม่ก่อน แต่อยู่หอกลับเข้าห้องตอนไหนก็ได้ บางที 20.00 - 21.00 น. ยังนั่งกินข้าวเย็นอยู่เลย 555555 ออกไปไหนก็ไม่ต้องโทรบอกพ่อแม่ เพราะท่านไม่ได้มาอยู่กับเรา ท่านไม่ต้องมานั่งรอเราเหมือนอย่างกับอยู่ที่บ้าน แต่เราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองมากขึ้น
3. ความรับผิดชอบในตนเองต้องสูง
เพราะชีวิตที่อิสระมากเกินไป บางคนถึงอาจเรียนไม่จบ เนื่องจากควบคุมการใช้ชีวิตตัวเองไม่ได้ มารู้ตัวอีกที (คิดได้) ก็ตอนวันที่เพื่อนเขารับปริญญากันหมดแล้ว
4. แยกแยะเวลา
ช่วงปี 1 เป็นช่วงทำเกรดเฉลี่ย และกิจกรรมจะเยอะมาก (ในบางมหาวิทยาลัย) มีทั้งกิจกรรมหอ กิจกรรมสาขา กิจกรรมมหาวิทยาลัย บางครั้งอาจจะตรงกับช่วงชอบ เพราะยิ่งปีสูง ยิ่งเรียนยากขึ้น เราต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือด้วย เรียนมหาวิทยาลัยจะเดาๆ มั่วๆ เหมือนสอบตอน ม. ปลายไม่ได้แล้วนะ ถ้าไม่อ่านก็รอลุ้น F เมื่อเกรดออก
5. อาการคิดถึงบ้าน
แน่นอนน้องทุกคนต้องเจอกับความรู้สึกนี้ เมื่อเจอปัญหาหรือเครียด เราจะมีอาการคิดถึงบ้าง คิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาทันที อยากจะกลับบ้านบ่อยๆ มันก็ไม่ไหว เพราะระยะทางและค่าเดินทาง น้องบางคนอาจมาเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ก็เลยทำให้เกิดการคิดถึงบ้านอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าเราอดทน มุ่งมานะพยายามรีบเรียนให้จบ ก็จะได้กลับไปอยู่ที่บ้านทำงานหาเลี้ยง ดูแลพ่อแม่เรา ไม่มีความสุขไหนเท่ากับการอยู่ที่บ้านเราอีกแล้ว
6. เงินไม่พอใช้
น้องบางคนอาจได้รับเงินเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน เราต้องบริหารจัดการเงินของเราเอง ถ้าเราใช้ฟุ่มเฟือยอาจจะใช้ไม่ถึงปลายอาทิตย์ หรือสิ้นเดือน เรียนมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ไหนจะค่าร่วมทำกิจกรรม ค่าถ่ายเอกสาร ค่านู้นค่านี้ สำหรับน้องบางคนอาจขอพ่อแม่เพิ่มได้โดยเงินค่าขนมไม่ต้องแหว่ง แต่น้องบางคนต้องหักเอาจากค่าขนม เพราะพ่อแม่เราไม่ได้มีเหมือนกันทุกคนในชีวิตจริงน้องต้องเจออีกเยอะ
**** อันนี้พี่ยกตัวอย่างให้ดูที่ชีวิตเด็กหอต้องเจอแน่ 100% เพราะพี่ผ่านจุดเหล่านี้มาแล้วฮ่ะ ****